เมนู

[310] สัญเจตนากาย การประชุมแห่งสัญเจตนา 6


1. รูปสัญเจตนา ความจงใจที่มีรูปเป็นอารมณ์ ฯลฯ 6. ธัมม-
สัญเจตนา ความจงใจที่มีธรรมเป็นอารมณ์.

[311] ตัณหากาย การประชุมตัณหา 6


1. รูปตัณหา ตัณหาเกิดขึ้นเพราะมีรูปเป็นอารมณ์
2. สัททตัณหา ตัณหาเกิดขึ้นเพราะมีเสียงเป็นอารมณ์
3. คันธตัณหา ตัณหาเกิดขึ้นเพราะมีกลิ่นเป็นอารมณ์
4. รสตัณหา ตัณหาเกิดขึ้นเพราะมีรสเป็นอารมณ์
5. โผฏฐัพพตัณหา ตัณหาเกิดขึ้นเพราะมีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์
6. ธัมมตัณหา ตัณหาเกิดขึ้นเพราะมีธรรมเป็นอารมณ์.

[312] อคารวะ ความไม่เคารพ 6


1. ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่
เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดาอยู่
2. เป็นผู้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระธรรมอยู่
3. เป็นผู้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระสงฆ์อยู่
4. เป็นผู้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในสิกขาอยู่
5. เป็นผู้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในความไม่ประมาทอยู่
6. เป็นผู้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในปฏิสันถารอยู่.

[313] สคารวะ ความเคารพ 6


1. ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เคารพ
ยำเกรงในพระศาสดาอยู่
2. เป็นผู้เคารพยำเกรงในพระธรรมอยู่
3. เป็นผู้เคารพยำเกรงในพระสงฆ์อยู่

4. เป็นผู้เคารพยำเกรงในสิกขาอยู่
5. เป็นผู้เคารพยำเกรงในความไม่ประมาทอยู่
6. เป็นผู้เคารพยำเกรงในการปฏิสันถารอยู่.

[314] โสมนัสสูปวิจาร วิจารสัมปยุตด้วยโสมนัส 6


1. เห็นรูปด้วยตาแล้ว ใคร่ครวญรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งความโสมนัส.
2. ได้ยินเสียงด้วยหูแล้ว...
3. ได้ดมกลิ่นด้วยจมูกแล้ว...
4. ได้ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว...
5. ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว...
6. รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ใคร่ครวญธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความโสมนัส.

[315] โทมนัสสูปวิจาร วิจารสัมปยุตด้วยโทมนัส 6


1. เห็นรูปด้วยตาแล้ว ใคร่ครวญรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส.
2. ได้ยินเสียงด้วยหูแล้ว...
3. ได้ดมกลิ่นด้วยจมูกแล้ว...
4. ได้ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว...
5. ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว...
6. รู้แจ้งธรรมด้วยใจแล้ว ย่อมใคร่ครวญธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่ง
โทมนัส.

[316] อุเปกขูปวิจาร วิจารสัมปยุตด้วยอุเบกขา 6


1. เห็นรูปด้วยตาแล้ว ย่อมใคร่ครวญรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา.